10 วิธีรวยหุ้นนี้ เป็นกระบวนการคิด และ วิธีการที่ผมใช้ซื้อขายหุ้นตลอดระยะเวลาท่ีผ่านมา ที่ผลตอบแทนเฉลี่ยของพอร์ตรวม 40% ต่อปี จากเงินลงทุนเริ่มต้น 300,000 บาทเป็น 2,000,000 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี แน่นอนว่าระหว่างทางจะต้องมีการเพิ่มเงินลงทุนเข้าไปด้วย และ ต้องบริหารสุขภาพการเงินควบคู่กันไป
ผมจะพาท่านไปดื่มด่ำกับวิธี รวยหุ้น ตัวเลขที่บอกว่า “รวย” จึงไม่ใช่ตัวเลขของจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชี แต่เป็นตัวเลขอัตราส่วนความมั่งคั่งที่แสดง ได้จาก รายได้จากเงินลงทุนต่อเดือน / รายจ่ายต่อเดือน ถ้ามีอัตราส่วนมากกว่า 1 นั่นแสดงว่า เรากำลังเดินทางไปสู่ความมั่งคั่ง หรือ ที่สังคมนิยามให้ว่า “คนรวย” นั่นเอง
ยกตัวอย่าง หากท่านมีรายได้จากเงินปันผล 300,000 บาทต่อปี (อาจต้องมีเงินลงทุนประมาณ 5 ล้านบาท) เทียบเป็นรายได้ 25,000 บาทต่อเดือน หากค่าใช้จ่ายไม่ถึง 25,000 บาทต่อเดือน ท่านก็เตรียมตัวรวยได้เลย เพราะถ้ายังมีแรงหารายได้เพิ่มขึ้นก็เท่ากับว่า ความมั่งคั่งก็จะเพิ่มขึ้นด้วยจากเงินส่วนที่เกินค่าใช้จ่ายต่อเดือน แล้วท่านล่ะวันนี้ รู้หรือไม่ว่า ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของท่านเท่าไหร่
อ่าน Part 2 ได้แล้วที่นี่ รวยหุ้น ด้วย 10 วิธีมือใหม่ก็ทำได้ Part 2
1. คำนวณหาอัตราความอยู่รอด
อัตราความอยู่รอดนี้เทียบได้กับ สินทรัพย์หมุนเวียน และ หนี้สินหมุนเวียนของบริษัท ให้ท่านนำเอาข้อมูล ค่าใช้จ่ายมาบันทึกไว้ยกตัวอย่างเช่นตารางด้านล่าง
รายการ | ค่าใช้จ่ายต่อเดือน | รายได้ต่อเดือน |
ที่ทำงาน | 3,000 | 30,000 |
รถยนต์ | 7,000 | 0 |
บ้าน | 7,000 | 0 |
ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน | 5,000 | 0 |
ค่าใช้จ่ายนอกบ้าน | 6,000 | 0 |
ค่าบัตรเครดิต | 3,000 | 0 |
รวม | 31,000 | 30,000 |
ในตัวอย่างนี้จะเห็นว่าอัตราความอยู่รอดเท่ากับ 30,000/31,000 เท่ากับ 0.96 เท่า ตามจริงท่านจะต้องมีอย่างน้อย 1 เท่า (ยิ่งมากยิ่งดี) ถึงจะอยู่รอด แบบนี้รอวันตายอย่างเดียว
วิธีการ ที่ดีที่สุดคือ ลดค่าใช้จ่าย หรือ เพิ่มรายได้ต่อเดือนให้มากขึ้น มักมีคำถามต่อมาอีกว่า แล้วจะหารายได้เพิ่มขึ้นจากไหน ผมแนะนำได้อย่างเดียวว่า “ความสำเร็จเกิดจากการทำ ความคิดเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น”
การลดค่าใช้จ่ายลงก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ในชีวิตนี้ผมเคยคิดจะขายรถยนต์ทิ้ง วันละหลายครั้ง เหมือนกัน แรงกดดันจากคนรอบข้าง เพื่อนบ้าน ที่คอยจ้องซ้ำเติมโดยเฉพาะคำว่า “กูบอกแล้วว่ามันไปไม่รอด” อย่าได้แคร์ครับเพราะเราวัดกันที่ปลายทาง ถ้าทำสำเร็จทุกอย่างที่เค้าว่าผิดจะเปลี่ยนเป็นถูกโดยทันที เพราะคุณ คือ “ผู้ชนะ”
2. คำนวณหาอัตราความมั่นคง
อัตราความมั่นคงแสดงถึงฐานะของท่านว่ารวยหรือจน เกิดจากการเอาสินทรัพย์ทั้งหมดของท่านเทียบกับหนี้สินทั้งหมดที่ท่านมี
รายการ | สินทรัพย์ | หนี้สิน | ยอดสุทธิ |
บ้าน | 2,500,000 | 2,400,000 | 100,000 |
รถยนต์ | 300,000 | 250,000 | 50,000 |
ทอง | 25,000 | 0 | 25,000 |
หนี้บัตรเงินสด | 0 | 150,000 | -150,000 |
โน็ตบุค | 10,000 | 0 | 10,000 |
รวม | 2,835 ,000 | 2800000 | 35,000 |
ในตัวอย่าง มีสินทรัพย์อยู่ 2,835 ,000 มีหนี้สินอยู่ 2,800,000 บาท หากเทียบแล้วอัตราความมั่นคงอยู่ที่ 1.01 เท่า หรือเท่ากับว่า หากท่านขายบ้าน ขายรถยนต์ ทอง โน๊ตบุค แล้วเคลียหนี้บัตรเงินสดจะมีเงินเหลือ 35,000 บาท ฉะนั้นตัวเลขนี้ยิ่งสูงจะยิ่งแสดงถึงความมั่นคงของชีวิต ตัวเลขที่ควรจะเป็นคืออย่างน้อย 2 เท่า
วิธีการ
พยายามลดหนี้ และ เพิ่มสินทรัพย์ ในเวลาเดียวกันไปทุกเดือนๆ ซึ่งก็ต้องย้อนไปดูว่าในแต่ละเดือนนั้นท่านมีอัตราความอยู่รอดกี่เท่า เพราะว่าเมื่อไหร่ที่อัตราความอยู่รอดมากกว่า 1 นั่นเป็นสัญญาณที่ดีแล้วครับว่าท่านกำลังจะรวย
3. คำนวณหาอัตราความมั่งคั่ง
อัตราความมั่งคั่ง แสดงถึงความร่ำรวยของท่านได้จากภาระจ่ายต่อเดือนเทียบกับ รายได้ต่อเดือนที่ไม่ได้เกิดจากการทำงาน ดูตัวอย่างจากตารางด้านล่าง
รายการ | ค่าใช้จ่ายต่อเดือน | รายได้ต่อเดือน |
ที่ทำงาน | 3,000 | |
เงินปันผล | 30,000 | |
ค่าลิขสิทธิ์ | 1,000 | |
รถยนต์ | 7,000 | 0 |
บ้าน | 7,000 | 5,000 |
ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน | 5,000 | 0 |
ค่าใช้จ่ายนอกบ้าน | 6,000 | 0 |
ค่าบัตรเครดิต | 3,000 | 0 |
รวม | 31,000 | 36,000 |
วิธีการ
พยายามสร้างรายได้ประจำที่มีชื่อเรียกคุ้นหูว่า Passive Income ในตัวอย่างด้านบน มีรายได้เพิ่มมาจาก เงินปันผล ค่าลิขสิทธิ์ และ บ้าน (ค่าเช่าบ้าน) ซึ่งทำให้อัตราส่วนที่เกิดขึ้นเป็น 36,000/31,000 = 1.16 เท่า “แค่เกิน 1 เท่าขึ้นมาก็พอแล้ว” เพราะนี่เป็นแค่รายได้ที่เกิดขึ้นจากสินทรัพย์เท่านั้น โดยที่เราไม่ต้องใช้เวลาไปกับมันมากเท่าใดนัก รายได้พวกนี้เป็นตัวบ่งชี้ว่า ถึงแม้จะตกงานก็ไม่ทำให้ชีวิตแย่ลง หรือ มองในอีกมุมหนึ่งต้นทุนชีวิตของเราจะต่ำลงเรื่อยๆ โอกาสจะวิ่งเข้ามาอย่างมากมายให้เลือกหยิบฉวยอย่างไม่หวาดไม่ไหว
4. จัดหาแหล่งเงินทุน
จาก ข้อ 1- 2 ถ้าอัตราส่วนของท่านยังต่ำกว่า 1 เท่า ถือว่าชีวิตของท่านกำลังอยู่ในช่วงขาลงสุดๆ จะปล่อยให้ตัวเองจบลงแค่นี้หรือครับ
วิธีการ
– อัตราความอยู่รอด น้อยกว่า 1 เท่า เกิดจากภาระหนี้ที่สูงเกินกว่ารายได้ต่อเดือน มีวิธีแก้ไขเบื้องต้นตามตารางต่อไปนี้
รายการ | ค่าใช้จ่ายต่อเดือน | วิธีการจัดการ |
ที่ทำงาน | 3,000 | ลดค่าใช้จ่ายทางสังคมบางอย่าง เช่น กินหรู โชว์ของดี มีต้องใช้ ช้อบให้กระจาย ออกไปบ้าง |
รถยนต์ | 7,000 | ถ้าไม่สำคัญ และ ไม่เร่งด่วน นั่นเท่ากับว่าไม่จำเป็น อ่านบทความเรื่อง ออมก่อนใช้ทีหลัง ทำไม่ได้จริง จะพบว่า ถ้ารถยนต์ ไม่สำคัญ และ ไม่เร่งด่วน นั่นคือ สิ่งที่ไม่จำเป็น แนะนำให้ขายทิ้งซะ เพราะมันจะตามมาด้วยค่าใช้จ่ายอีกมากมาย เช่น ค่าซ่อมบำรุง ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าประกัน เหล่านี้ล้วนเป็นค่าใช้จ่ายที่กัดกินความมั่งคั่งของท่านในปัจจุบัน และ อนาคต ถ้าไม่ไหวขายทิ้งดีกว่าครับ |
บ้าน | 7,000 | บ้านก็เช่นเดียวกันลอง อ่านบทความเรื่อง ออมก่อนใช้ทีหลัง ทำไม่ได้จริง อาจช่วยให้ตัดสินใจได้ว่า บ้านที่ซื้อยู่นั้น สำคัญ และ เร่งด่วน หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็ขายทิ้ง ดีกว่าครับ เพราะ เรื่องของบ้านจะตามมาด้วยค่าดูแลในภายหลังอีกมากมาย จริงอยู่ที่ซื้อดีกว่าผ่อน แต่อย่าลืมว่าดอกเบี้ยบ้านไม่ใช่ตายตัวเหมือนรถ โดยความเห็นส่วนตัวถ้าไม่จำเป็น เอาเงินส่วนที่เหลือนี้มาลงทุนเพื่อให้เกิดความมั่งคั่งก่อนแล้วบ้านจะซื้อในภายหลังก็มองเห็นว่าไม่สายเกินไป แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคำว่า “จำเป็น” หรือไม่ด้วยเช่นกัน |
ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน | 5,000 | ลดค่าใช้จ่ายภายในบ้านที่ไม่จำเป็น อินเตอร์เน็ต เคเบิ้ลทีวี น้ำ ไฟ ของในตู้เย็น ของใช้ที่ไม่จำเป็น ที่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน ตัดออกบ้าง ลดลงบ้าง แค่พออยู่ได้ก็พอ |
ค่าใช้จ่ายนอกบ้าน | 6,000 | ลดค่าใช้จ่ายนอกบ้านลงบ้าง แต่ตัดหมดเลยไม่ดี เพื่อให้ชีวิตอยู่อย่างพอดี ไม่ตึงเกินไปไม่หย่อนเกินไป ผมเองเคยใช้วิธีการตัดงบแล้วไม่ดีทำให้ครอบครัวถึงขึ้นมีปัญหาหย่าร้างกันเลยทีเดียว |
ค่าบัตรเครดิต | 3,000 | ลดสิ่งที่อยากได้ ลงบ้าง โดยเฉพาะ สินค้าไอที แก๊ดเจ็ด และ โทรศัพท์มือถือ ถ้า “จำเป็น” ก็ควรซื้อเพื่อสร้างรายได้ แต่ถ้าซื้อเพราะ “หาเหตุผลมาประกอบให้จำเป็น” ก็ควรพิจารณาขายและ แล้วนำมาปลดหนี้ที่ค้างบัตรให้เร็วที่สุด |
จากตาราด้านบน สิ่งเดียวท่ีจะช่วยให้ท่านเพิ่มอัตราความอยู่รอดได้คือ พิจารณาว่าสิ่งไหน จำเป็น หรือ ไม่จำเป็น ทริคตามรูปด้านล่างนี้เลยครับ ถ้าสำคัญ และ เร่งด่วน นั่นคือสิ่งจำเป็นให้ซื้อได้เลย ถ้าไม่ใช่ให้ขายทิ้งจะเป็นการดีที่สุด ไม่มีเหตุจำเป็นที่ท่านจะแบกภาระหนี้ไว้

สำคัญ เร่งด่วน = จำเป็น
5. บริหารเงินออม เงินลงทุน
มาถึงข้อ 5 กันสักที ถ้าท่านทำ ข้อ 1-2 และ 4 สำเร็จแล้ว ผมขอแสดงความดีใจด้วยครับ ตอนนี้ท่านใกล้รวย หรือ รวยแล้ว ต่อไปเราจะมาเริ่มบริหารเงินส่วนที่เกินออกมาเพื่อนำมาลงทุนต่อในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นโดยเฉพาะหุ้น ใช่ครับ “เราจะรวยด้วยหุ้นกัน”
5.1 สร้างอัตราส่วนความอยู่รอด (1) ให้ได้มากถึง 5 เท่า โดยเอาไปเก็บในตราสารหนี้ ตัวอย่างเรื่อง Top 5 ฝากเงินที่ตราสารหนี้ ดอกเบี้ยมากกว่า 3% ต่อปี ผมเลือกกองทุน KFMTFI ของกรุงศรี ฉะนั้นถ้ามีค่าใช้จ่ายอยู่ 30,000 บาทต่อเดือน ท่านจะต้องมีเงินเก็บไว้ในตราสารหนี้นี้ประมาณ 150,000 บาท เป็นอย่างต่ำ เพื่อเป็นเบาะรองรับทางด้านจิตใจในวันที่ซื้อหุ้นแล้วอาจขาดทุนหนักก่อนจะ “รวยด้วยหุ้น” เหมือนที่ตั้งใจไว้ อาจใช้มันสำหรับสร้างความสุข ให้กำลังใจชีวิต หรือ เป็นทุนในการศึกษาเล่าเรียน ไปด้วยก็ได้ “เพราะชีวิตต้องอยู่รอดก่อนอยู่ได้”
5.2 สร้างอัตราส่วนความมั่นคง (2) ให้ได้มากกว่า 2 เท่า เมื่อผ่านการสร้าง อัตราส่วนความอยู่รอดมาได้มากกว่า 5 เท่าแล้ว อัตราส่วนความมั่งคงอาจถึง 2 เท่าแล้ว หรืออาจยังไม่ถึง ช่างมัน !!!!! เพราะท่านกำลังจะรวยแล้ว ให้นำเงินส่วนที่เหลือจากอัตราส่วนความอยู่รอดมาลงทุนในหุ้น ลืมเรื่อง น้ำมัน ทองคำ และ อสังหาริมทรัพย์ ไปก่อน เพราะเป้าหมายของเราคือ “รวยด้วยหุ้น”
เอาล่ะ มาถึงตรงนี้ผมต้องขอ ปรบมือให้กับความพยายามของทุกท่าน และ หากท่านใดยังไม่สามารถเดินทางมาถึงข้อ 5 ได้สำเร็จ “ช่างมัน!! ” อย่าปิดโอกาสตัวเอง เตรียมเงินไว้สัก 1,000 บาท ก็พอเพื่อใช้ในการสร้างประสบการณ์ “รวยด้วยหุ้น” หุ้นไม่ใช่คณิตศาสตร์ หุ้นไม่ใช่หลักการทางบัญชี
“แต่เป็นวิทยาศาตร์ที่ต้องเกิดจากการ ตั้งสมมติฐาน ทดลอง และ ประเมินผล เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี ในสภาวะที่ตัวแปรเปลี่ยนแปลงไป”
ฉะนั้น คนที่สำเร็จในตลาดหุ้นไม่ใช่พวกมือใหม่ และ มือใหม่มักตกเป็นเหยื่อของตลาดหุ้นเสมอๆ หากท่านไม่อยากแพ้ ทำอัตราส่วนของท่านให้อยู่รอดได้ หรือ กำเงินไว้ 1,000 บาท แล้ว เดินตามผมมาต่อ Part 2 ในตอนหน้าได้เลยครับ
อ่าน Part 2 ได้แล้วที่นี่ รวยหุ้น ด้วย 10 วิธีมือใหม่ก็ทำได้ Part 2
- มือใหม่เล่นหุ้น ยุคทองของคุณมาถึงแล้ว - 13/07/2020
- หุ้นเด่นวันนี้ | 10 อันดับหุ้นปันผล ประจำเดือน มิถุนายน 2563 - 28/06/2020
- TCAP กำไรไตรมาส 3 พุ่งกว่า 30% “โตต่อเนื่อง” - 01/11/2019
PK’Sawangsang Shiishii
Sorawit Busayajarak, Tanic Bunyajarak
รออ่าน ตอนต่อไปอยู่ค่ะ
เนื้อหาน่าสนใจค่ะ
Nongluck Phoonphiphat
Minnie Mint
เขียนดีครับ รออ่าน part2 ต่อครับ
เขียนดีมากค่ะ รออ่านpart 2 ค่ะ
จะรออ่านpart2ตะเขียนดี
Chisanupong Taypa
ดีครับ มีประโยชน์
ดีครับ ขอแชร์
ขอบคุณมากค่ะ..รอตอนต่อไปค่ะ
ThEabnormal Sign
จะอ่าน part 2 ต่อดีมากค่ะ
Koy Khachonkham เขียนดีมากครับ ขอบคุณครับ
เป็นคำแนะนำที่ดีมากๆ
รอนะคะpart2มือใหม่เก็บข้อมูล
Good
Gu Gu Fann
Chaiwat Eakaeamphan
เยี่ยม
ขอบคุณค่ะ
จะรอติดตามpast 2น่ะครับ
Best of the best article!
ถ้าต้องการซื้อหุ้นปันผล เริ่มต้นซื้อได้ที่ไหน อย่างไรคะ
อ่านแล้วทำความเข้าใจได้ง่ายดีค่ะ ขอบคุณค่ะ^^
ดีมากค่ะเป็นอะไรให้คนกำลังตกได้คิดได้บริหารชอบมากค่ะ ชอบระบบการคิดการวางแผนและการอธิบายที่เข้าใจง่ายและปฎิบัติตามได้คิดตามทัน ดีค่ะ อยากอ่านpast2ต่อค่ะ แล้วถ้าสนใจจะปรึกษาและรับคำแนะนำยังไง สนใจเลยค่ะถ้าทำได้ด้วยเงินน้อย ไปทีล่ะนิดแต่มีทางออกของชีวิต
เขียนเนื้อหาสาระได้ดีมากเลยค่ะ มีประโยชน์กับคนที่คิดจะControlเงินยังไงให้ได้ กับคนที่สนใจเรื่องหุ้น ขอนำไปปรับใช้ตามเลยค่ะ ชอบ